เรียกว่าเป็นข้อสงสัยของหลายคนเลยล่ะ เกี่ยวกับวิธีรับประทาน สาหร่ายสไปรูลิน่า หรือ สาหร่ายเกลียวทอง เช่น จำนวนต่อวันที่ควรรับประทาน? อยู่ในระหว่างรักษาโรคบางอย่างจะรับประทานได้ไหม? ถ้ารับประทานทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานานจะเกิดผลข้างเคียงหรือไม่? กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า? รับประทานแบบไหนถึงจะได้ผลดีที่สุดต่อร่างกาย และอีกมากมายหลายคำถาม วันนี้เรามีคำตอบมาให้คลายทุกข้อสงสัยเลยล่ะ
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การรับประทานสาหร่ายเกลียวทองในสัดส่วนที่เหมาะสมต่อวัน และต่อความจำเป็นของร่างกายแต่ละคนนั้นสำคัญแค่ไหน? อธิบายง่าย ๆ เพื่อให้เห็นภาพขึ้นอีกนิด ก็เหมือนกับที่ร่างกายคนเราควรได้รับสารอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละวันนั่นเอง ซึ่งนอกจากจะต้องครบ 5 หมู่แล้วสัดส่วนที่ได้รับในแต่ละวันก็ต้องพอดีต่อความต้องการของร่างกายด้วย คือไม่มากและไม่น้อยเกินไปเพื่อให้เกิดความสมดุล ถึงจะทำให้สุขภาพแข็งแรงแต่ในผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ หรือคนที่กำลังรักษาโรค หรือมีโรคประจำตัว สัดส่วนการรับประทานก็จะแตกต่างจากคนทั่วไปที่ไม่ได้มีปัญหาสุขภาพ
และด้วยสาหร่ายเกลียวทองนั้นจัดเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่สกัดจากพืชธรรมชาติ ไม่ได้เป็นยา เพราะฉะนั้น มันก็เหมือนกับเราได้รับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายนั่นเอง ซึ่งถ้าได้รับในสัดส่วนที่เหมาะสมแล้ว ร่างกายเราก็จะได้รับการดูแลและปกป้องที่ดีรอบด้าน สุขภาพก็จะแข็งแรงขึ้น ทีนี้เรามาดูกันต่อว่า นอกจากผู้ที่มีสุขภาพปกติทั่วไป ที่อยากจะรับประทานสาหร่ายเกลียวทองเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอแล้ว สาหร่ายเกลียวทองเหมาะกับใครอีกบ้าง? แล้วควรรับประทานอย่างไร? ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อสุขภาพของเรา
รับประทาน สาหร่ายเกลียวทอง อย่างไรถึงจะได้ผลดี?
ผู้ที่รับประทานครั้งแรก: ควรเริ่มต้นที่วันละ 2 เม็ด (หรือแคปซูล) และรับประทานติดต่อกันสม่ำเสมอประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นค่อยเพิ่มจำนวนเป็น 4-8 เม็ด (หรือแคปซูล) ต่อวัน ระหว่างนี้ก็ลองสังเกตตัวเองด้วยว่า จำนวนที่รับประทานนั้นเหมาะกับร่างกายเราหรือยัง เราสามารถปรับจำนวนการรับประทานให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้เลย
ผู้ที่ต้องการเพิ่มสารอาหารให้กับร่างกาย อย่างที่รู้กันดีว่า ในสาหร่ายเกลียวทองนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารคุณภาพสูงที่ดีต่อร่างกายจำนวนมาก เช่น โปรตีนที่มีสูงถึงประมาณ 70% ซึ่งสูงกว่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ไข่ และถั่ว และยังมีกรดอะมิโนคุณภาพดี มีวิตามินและเกลือแร่อีกหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งเหมาะมาก ๆ กับผู้ที่ต้องการเพิ่มสารอาหารให้กับร่างกาย และยังเหมาะกับผู้ที่รับประทานอาหารเจและมังสวิรัตอีกด้วยนะ
วิธีรับประทาน: 4-8 เม็ด (หรือแคปซูล) หลังตื่นนอนพร้อมน้ำเปล่า 1 แก้ว
ผู้ที่ต้องการชะลอวัย ทำไมสาหร่ายเกลียวทองถึงช่วยชะลอวัยได้ นั่นก็เพราะมีสารที่ชื่อ ‘ไฟโคซายานิน’ (Phycocyanin) ซึ่งเป็นโปรตีนสีน้ำเงินชนิดละลายน้ำได้นั่นเอง หรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ มี ‘สารต้านอนุมูลอิสระคุณภาพสูง’ ที่จะช่วยลดความเสื่อมต่าง ๆ ให้กับร่างกายเรา ผู้ที่รับประทานสาหร่ายเกลียวทองเป็นประจำจึงรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ผิวพรรรณสดใส ดูอ่อนกว่าวัย นอกจากนี้ยังช่วยลดการเกิดแผลในหลอดเลือด และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตันอีกด้วย
วิธีรับประทาน: 4-10 เม็ด (หรือแคปซูล) หลังตื่นนอนตอนเช้า หรือจะรับประทานก่อนนอนก็ได้เช่นกัน พร้อมน้ำเปล่า 1 แก้ว
ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และควบคุมระดับน้ำตาล สาหร่ายเกลียวทองช่วยให้ตับแข็งแรง และช่วยลดการทำงานหนักของตับได้ดี และยังทำให้การย่อยสลายอาหารให้กลายเป็นสารอาหารได้รวดเร็วอีกด้วย จึงช่วยลดการสะสมของน้ำตาลในกระแสเลือด แต่ไม่ว่ายังไง คนที่กำลังลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักอยู่ ก็ต้องลดอาหารประเภททอด หวาน มัน เค็ม และต้องนอนหลับให้เป็นเวลาด้วยนะ
วิธีรับประทาน: ผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก ให้รับประทาน 4-10 เม็ด (หรือแคปซูล) ประมาณ 30 นาทีก่อนรับประทานอาหารเย็น พร้อมน้ำเปล่า 1 แก้ว โดยควรรับประทาน 4-8 เม็ด (หรือแคปซูล)/ ครั้ง วันละ 3 เวลา ที่สำคัญ อย่าลืมลดปริมาณอาหารในมื้อเย็นให้น้อยลงกว่าปกติด้วยนะ ส่วนใครที่น้ำหนักตัวตามเกณฑ์ปกติก็สามารถรับประทานพร้อมมื้ออาหารได้เลย และสำหรับคนที่ต้องควบคุมน้ำตาลในเลือด ให้รับประทาน 4-10 เม็ด (หรือแคปซูล)/ ครั้ง หลังตื่นนอนและในช่วงบ่าย เพื่อให้สารอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย และลดการสะสมน้ำตาลในเลือดนั่นเอง (ขนาดรับประทานจะขึ้นอยู่กับอายุ เพศ วัย และน้ำหนักตัวของแต่ละคนที่อาจแตกต่างกัน ดังนั้นจึงสามารถเพิ่มขนาดรับประทานได้จนถึงขนาดที่เราจะไม่รู้สึกหิว ซึ่งสามารถรับประทานได้มากถึงวันละ60เม็ดอย่างปลอดภัย)
ผู้ที่เป็นกรดไหลย้อน ในสาหร่ายสไปรูลิน่ามีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายจำนวนมากและมีคุณภาพสูง เมื่อเรารับประทานเป็นประจำร่างกายจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ เพราะอย่างนี้จึงทำให้ร่างกายไม่ผลิตน้ำย่อยออกมามากเกินไป ส่วนสำไส้ก็ยังได้รับสารอาหารที่เป็นจุลินทรีย์ที่ดีอีกด้วย จึงส่งผลให้ร่างกายเรามีพลังมากพอในการย่อยและดูดซึมอาหารนั่นเอง
วิธีรับประทาน: 4-10 เม็ด (หรือแคปซูล) หลังตื่นนอน และในช่วงบ่าย จะช่วยเพิ่มสารอาหารให้ร่างกายได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพ และยังช่วยลดความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายขาดสารอาหารอีกด้วย คือในคนที่เป็นกรดไหลย้อนมานาน จะทำให้สารอาหารในเลือดไม่เพียงพอไปด้วยนั่นเอง
เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน Covid-19 การรับประทานสาหร่ายเกลียวทองเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรค โดยการช่วยเพิ่มเลือดและทำให้เม็ดเลือดขาวมีคุณภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรคและเชื้อไวรัสแปลกปลอมทั้งหลายที่จะเข้าสู่ร่างกายเรา ซึ่งเมื่อเลือดมีออกซิเจนมากขึ้น ก็จะช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสียไปได้รวดเร็วขึ้นนั่นเอง
วิธีรับประทาน: 4-8 เม็ด (หรือแคปซูล)/ครั้ง วันละ 3 เวลา เริ่มมื้อแรกหลังตื่นนอน พร้อมน้ำเปล่า 1 แก้ว
อย่างที่บอกว่า สาหร่ายเกลียวทองคืออาหารชนิดหนึ่งที่สกัดจากพืชธรรมชาติ ไม่ใช่ยา เราจึงสามารถเพิ่มปริมาณการรับประทานได้แบบยืดหยุ่นตามความเหมาะสมของร่างกายนั่นเอง
สาหร่ายเกลียวทอง ชนิดเม็ด ชนิดแคปซูล หรือชนิดผงดีนะ?
เป็นเรื่องที่หลายคนอยากรู้และถามเข้ามาบ่อยครั้งเลยล่ะ ว่าควรรับประทานสาหร่ายเกลียวทองชนิดไหนดีกว่ากัน ทั้งชนิดเม็ด ชนิดแคปซูล และชนิดผง คำตอบก็คือ สามารถเลือกรับประทานชนิดไหนก็ได้ที่เหมาะสมและสะดวกต่อการใช้ชีวิตของเรา เพราะทั้ง 3 ชนิด ล้วนมีคุณสมบัติและสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเหมือนกัน
ชนิดเม็ด : จะมีกลิ่นเฉพาะของสาหร่ายที่เป็นเอกลักษณ์และชัดเจน บ้างก็บอกว่ากลิ่นคล้ายหมูแผ่น หมูหยอง หรือปลาหมึกย่าง สำหรับชนิดเม็ดนี้จะถูกย่อยที่กระเพาะอาหาร และเหมาะกับผู้ที่รับประทานอาหารเจ มังสวิรัต
ชนิดแคปซูล : รับประทานง่าย สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยชอบกลิ่นเฉพาะของสาหร่าย แบบแคปซูลร่างกายจะทำการดูดซึมได้ทันทีที่เปลือกแคปซูลละลายน้ำ แต่ไม่แนะนำในผู้ที่รับประทานเจและมังสวิรัต เพราะเจลาตินที่เป็นเปลือกของแคปซูลสกัดมาจากส่วนประกอบต่าง ๆ ของสัตว์นั่นเอง
ชนิดผง: เหมาะกับคนที่ชอบนำไปเติมในเมนูอาหารต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประโยชน์และสีสันเขียวสดใสให้กับหน้าตาของอาหารจานโปรด เช่น โรยผงสาหร่ายเกลียวทองในเมนูสลัดหรือซุปต่าง ๆ หรืออาหารจานโปรดอื่น ๆ ที่รับประทานในแต่ละวัน และยังเติมในเมนูเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเมนูปั่น หรือเมนูน้ำผักผลไม้ต่าง ๆ โดยใช้เพียงครั้งละ 1-2 ช้อนชา ต่อน้ำผลไม้ประมาณ 400 CC. ใครที่ชอบเข้มข้นมากกว่านี้ก็สามารถเติมลงไปได้ตามใจชอบ หรือสายเฮลท์ตี้จะนำไปผสมกับเมนูเอนเนอจี้บอลต่าง ๆ ก็อร่อยง่ายได้ประโยชน์สุด ๆ เช่นกัน
ส่วนใครที่กังวลเรื่องผลข้างเคียงจากการรับประทานสาหร่ายเกลียวทอง ก็สบายใจได้เลย เพราะนักวิจัยได้ทำการทดลองในผู้ที่รับประทานสาหร่ายเกลียวทองเป็นประจำแล้วพบว่า “ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายใด ๆ” แต่ถ้าใครที่มีโรคประจำตัวและยังรู้สึกกังวลมาก ก็แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานได้
‘บุญสมฟาร์ม’ อยากชวนทุกคนมาสร้างสุขภาพทั้งภายนอกและภายในให้แข็งแรง ด้วย สาหร่ายเกลียวทอง สุดยอดอาหารที่ดีทั้งในปัจจุบันและอนาคต คำตอบที่คนรักสุขภาพทั่วโลกไว้วางใจ