หลายคนต้องนอนดึกเพราะความจำเป็นจากหน้าที่การงาน หลายคนนอนดึกเพราะเกิดจากโรคนอนไม่หลับและโรคประจำตัวอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้หลับๆ ตื่นๆ และอีกหลายคนต้องนอนดึกเพราะเกิดจากสิ่งเร้าที่อยู่รอบ ๆ ตัว เช่น ชอบไปงานปาร์ตี้ ชอบสังสรรค์, อ่านหนังสือ ดูหนังดูซีรีส์ออนไลน์ และเล่นโซเชียลมีเดียในเวลาเข้านอน เป็นต้น ซึ่งการนอนดึกนั้นส่งผลให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นประจำก็จะทำให้อ่อนเพลีย สมองมึนงง ขาดสมาธิ ไปจนถึงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง ทำให้สุขภาพโดยรวมอ่อนแอและเกิดโรครุมเร้าในที่สุด เพราะฉะนั้น การดูแลเรื่องการนอนหลับพักผ่อนที่มีคุณภาพจึงสำคัญสำหรับทุกคน รวมรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และสารอาหารที่ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นอยู่เสมอแม้จะนอนดึก
เปิดพฤติกรรมกระตุ้นทำให้นอนดึก
การที่เราต้องนอนดึกนั้น นอกจากความตั้งใจในการ “จะนอนดึก” แล้ว ยังมีพฤติกรรมอื่นๆ ที่เราอาจจะไม่รู้ตัวว่าเป็นปัจจัย เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้นอนดึกได้อีกด้วย ซึ่งแม้ว่าเราจะพยายามข่มตาให้หลับ แต่มันกลับไม่หลับได้อย่างใจ มารู้ตัวอีกทีก็ดึกจนเกือบเช้าไปเลยก็มี เรามาดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนให้หลับได้ง่ายขึ้น
1. ดื่มเครื่องดื่มที่มีผลกระตุ้นให้นอนหลับยาก เช่น กาแฟ, เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการสูบบุหรี่ก็ทำให้นอนหลับยาก หรือหลับไม่สนิทได้เช่นกัน
2. การปาร์ตี้สังสรรค์ งานเลี้ยงต่างๆ แน่นอนว่า กิจกรรมเหล่านี้ไม่เคยเลิกราแต่หัววันได้เลย ซึ่งนอกจากจะเลิกปาร์ตี้กันดึกดื่นแล้ว กว่าจะใช้เวลาเดินทางกลับบ้านอีก แม้จะไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็ทำให้สุขภาพย่ำแย่ได้
3. พฤติกรรมการกิน ปล่อยให้ท้องว่างในช่วงมื้อเย็นอาจทำให้หิวตอนดึกได้ และส่งผลให้นอนไม่หลับ หรือการกินอาหารมื้อดึกที่อิ่มมากจนเกินไป ก็ทำให้แน่นท้องกลางดึก และนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนด้วยเช่นกัน
4. สุขภาพ ความเจ็บป่วย ไม่สบาย มีโรคประจำตัว เช่น ‘ภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง‘ (Hypoglycemia) หรือ ‘ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ‘ (Chronic Fatigue Syndrome (CFS) รวมถึงความเครียด ความวิตกกังวลต่างๆ ทั้งที่เพิ่งเกิดขึ้นและสะสมมาเป็นเวลานานก็ส่งผลให้นอนไม่หลับเช่นกัน
5. หน้าที่การงาน เช่น งานเยอะทำไม่ทันเลยต้องทำงานจนถึงดึกดื่นเป็นประจำ หรือคนที่เข้างานเป็นกะ ที่ต้องเปลี่ยนเวลานอนเป็นประจำ
6. สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อการนอน เช่น ห้องนอนไม่ปลอดโปร่ง ร้อนหรือหนาวเกินไป สว่างเกินไป มีแสงและเสียงดังรบกวนเกือบตลอดเวลา เป็นต้น
‘นอนดึก’ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเพราะเป็นการทำร้ายสุขภาพรุนแรง
มหาวิทยาลัย Harvard ได้รายงานไว้ว่า “การนอน เป็นกลไกทางธรรมชาติของร่างกายมนุษย์ เพื่อให้สมองที่ต้องรับข้อมูลอย่างมหาศาลในแต่ละวันสามารถหยุดรับข้อมูลใหม่ ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง แล้วเปลี่ยนความทรงจำระยะสั้น (short-term memory) เป็นความทรงจำระยะยาว (long-term memory) และยังเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ร่างกายเราได้ซ่อมแซมเซลล์และอวัยวะต่าง ๆ ที่สึกหรอจากการใช้ชีวิตในแต่ละวันอีกด้วย” เพราะฉะนั้น การปล่อยให้ตัวเองต้องนอนดึกและนอนไม่เป็นเวลาติดต่อกันเป็นประจำ และเป็นเวลานาน ๆ แน่นอนว่าจะต้องส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างแน่นอน ส่วนจะทำร้ายสุขภาพในด้านไหนบ้างนั้น เรามาดูกัน
1 ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เราเองยังมีเวลาทำงานและต้องการเวลาพักผ่อน อวัยวะในร่างกายของเราก็มีเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ ‘ตับ’ และ ‘ไต’ ถ้าถึงเวลาที่ต้องพักแล้วแต่ยังไม่ได้พัก จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ซึ่งเป็นผลมาจากจากการที่ระบบการคัดกรองของเสียในร่างกายขาดสมดุลลงนั่นเอง และแน่นอนว่าจะไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ด้อยประสิทธิภาพในการทำงานลง ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันต่ำลง ผลลัพธ์ก็คือ ทำให้เจ็บป่วยง่าย, ผมร่วง, กระดูกและฟันอ่อนแอ, ระบบเผาผลาญและระบบย่อยอาหารมีปัญหา และอาจเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังในอนาคตได้
2 สมาธิสั้น การนอนดึกเป็นประจำจะทำให้สมาธิสั้นลง สมองไม่พร้อมในการเรียนรู้ ทักษะการตัดสินใจขาดประสิทธิภาพลง ความทรงจำเริ่มติดขัด นั่นเพราะสมองไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของสมองลดน้อยลงไปด้วย และยังทำให้ความสามารถในการรับมือกับความเครียดและแรงกดดันน้อยลงตามไปอีกด้วย
3 ปวดศรีษะ อุณหภูมิร่างกายของคนเรารวมถึงการไหลเวียนของเลือดนั้นจะปรับเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิของแสงจากภาย นอก ถ้าเราตื่นเช้ามารับแสงแดดอ่อนๆ อยู่เป็นประจำร่างกายก็จะชินกับการปรับตัวร่วมกับแสงแดดอ่อนๆ นั้น แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ต้องนอนดึกและตื่นสายและตื่นมาเจอกับแสงแดดที่แรงขึ้น การปรับตัวของหลอดเลือดก็จะผิดปกติไปด้วย ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัวเพื่อเร่งการสูบฉีดเลือดและเพิ่มอุณหภูมิร่างกายให้เท่าๆ กับสภาพแสงและอากาศภายนอก จึงทำให้รู้สึกมึนศรีษะและปวดหัวได้ง่ายๆ นั่นเอง
4 เสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ผลจากการศึกษาของ ‘มหาวิทยาลัยอริโซนา’ พบว่า การนอนและการตื่นที่ผิดเวลาปกติของนาฬิกาในร่างกายนั้นเพิ่มโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจขึ้นถึง 11% เลยทีเดียว โดยนักวิจัยได้บอกไว้ว่า การนอนดึกตื่นสายของบางคนไม่ใช่การนอนหลับที่มีคุณภาพดี แม้ว่าจะใช้เวลาในการนอนหลับหลายชั่วโมงก็ตาม นั่นเพราะธรรมชาติของร่างกายเรา เคยตื่นเวลาไหนบ่อย ๆ ก็มักจะสะดุ้งตื่นในเวลาเดิม ซึ่งในวันที่เราคิดจะตื่นสาย ๆ แต่ต้องสะดุ้งตื่นตอนเช้าตามเวลาที่เคยตื่น ร่างกายก็จะกลับไปหลับไม่สนิทนั่นเอง ส่งผลให้เกิดภาวะอ่อนเพลีย, เหนื่อยล้า, หงุดหงิดง่าย และยังเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้อีกด้วย
5 เสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า ผลวิจัยจาก ‘มหาวิทยาลัยกลาสโกว’ ประเทศสกอตแลนด์ได้ค้นพบว่า ผู้ที่ตื่นตัวตอนกลางคืนมักจะมีอาการอารมณ์แปรปรวนง่ายมากจนเกิดความผิดปกติทางอารมณ์ และสะสมจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าควรพยายามเข้านอนให้ตรงเวลา เข้านอนแต่หัวค่ำและตื่นเช้าให้ตรงเวลาจะดีที่สุด ซึ่งการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างมีคุณภาพนั้นควรไม่ต่ำกว่า 7-8 ชั่วโมง โดยประมาณ
6 ระบบย่อยอาหารผิดปกติ การนอนดึกส่งผลให้ระบบย่อยอาหารและการดูดซึมอาหารผิดปกติได้ เพราะการนอนดึกจะทำให้ระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกายผิดปกติ โดยเฉพาะการทำงานของถุงน้ำดีที่ทำหน้าที่ส่งน้ำย่อยไปสู่ลำไส้เล็กเพื่อช่วยย่อยอาหาร และช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ซึ่งถ้าถุงน้ำดีทำงานบกพร่อง ผิดปกติ หรือขาดประสิทธิภาพ การจัดส่งน้ำดีเพื่อช่วยย่อยอาหารก็จะขาดสมดุลไปด้วย ถ้าเรานอนดึกเป็นประจำอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้การทำงานของระบบย่อยอาหารมีปัญหาเรื้อรัง และแน่นอนว่าสุขภาพด้านอื่นๆ ก็จะแย่ตามไปด้วยนั่นเอง
7 เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน ทำไมการนอนดึกถึงเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน นั่นเพราะการนอนดึกทำให้ต้องนอนตื่นสายตามไปด้วย และแน่นอนว่าการตื่นสายนั้นทำให้ต้องพลาดอาหารมื้อเช้าไปอย่างน่าเสียดาย ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า มึนงง ส่งผลให้อยากกินของหวานๆ คล้ายกับร่างกายต้องการน้ำตาลมากขึ้นนั่นเอง เพราะอย่างนี้ คนนอนดึกและตื่นสายจึงมักจะมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขัั้น อ้วนขึ้น และเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานมากขึ้นด้วยนั่นเอง
8 เฉื่อยชา เบื่อหน่าย ขี้เกียจ ลองสังเกตตัวเองดูว่า วันไหนที่เรานอนดึกและตื่นสาย วันนั้นจะทำให้เราเฉื่อยชา เบื่อยหน่าย ขี้เกียจ และไม่อยากทำอะไรเลย แม้แต่การลุกจากที่นอน ซึ่งนอกจากสภาวะเหล่านี้แล้วยังเสี่ยงต่อภาวะกล้ามเนื้อถดถอยอีกด้วยนะ ยิ่งในคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำด้วยแล้วยิ่งเสี่ยงมากขึ้นนั่นเอง
9 น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เสี่ยงเป็นโรคอ้วน นั่นเพราะคนที่นอนดึกส่วนใหญ่แล้วจะกินอาหารมื้อค่ำในช่วงหลัง 2 ทุ่มเป็นต้นไป และอาจจะมีมื้อดึกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งมื้อด้วย ซึ่งหลายคนยังยกให้มื้อดึกเป็นมื้อใหญ่อีกด้วย และมื้อดึกส่วนใหญ่จะเป็นอาหารประเภทสำเร็จรูป หรือกึ่งสำเร็จรูป ที่มีแคลอรี่สูง ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานส่วนเกินเพิ่มเข้าไปชนิดที่เกินความจำเป็นต่อร่างกาย ทำให้เกิดการสะสมของไขมันสะสมจนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและเสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้ และการนอนดึกนั้นทำให้นาฬิกาในร่างกายเราสับสน ซึ่งส่งผลให้ระบบการเผาผลาญอาหารและระบบย่อยอาหารเสียสมดุล และทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะสะสมไขมันได้นั่นเอง และแน่นอนว่า เมื่อเป็นโรคอ้วนแล้วก็ยังเสี่ยงที่จะเป็นโรคอื่น ๆ ที่อันตรายต่อร่างกายอีกหลายโรคตามมาด้วย
10 ผิวเสีย ผิวโทรม แก่ก่อนวัย การนอนดึกเป็นประจำนั้นทำให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายผิดปกติ ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะระบบย่อยอาหารหรือระบบการขับถ่าย ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพด้านต่างๆ แล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวพรรณอีกด้วย เช่น ทำให้ผิวเสีย ผิวโทรม ผิวเหี่ยวย่นง่าย แก่ก่อนวัย ผิวพรรณหมองคล้ำ ไม่สดใส และในคนที่ผิวบอบบาง แพ้ง่าย ก็จะเกิดปัญหาสิวเพิ่มขึ้นได้ง่ายอีกด้วย
เมนูอาหารสำหรับ ‘คนนอนดึก’
ยิ่งนอนดึกยิ่งต้องรู้จักดูแลสุขภาพให้มากกว่าเดิม ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้สุขภาพย่ำแย่ จนเกิดโรคร้ายต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องทำก็คือ การรู้จักเลือกรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ มีสารอาหารครบ 5 หมู่ และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และรู้จักเลือกอาหารที่มีสารอาหารที่เป็นตัวช่วยสำหรับคนนอนดึก พักผ่อนน้อย เรามาดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง แน่นอนว่า เป็นเมนูที่หาง่าย ใกล้ตัว และหลายเมนูมีติดครัวที่บ้านของเรานั่นเอง
1. โปรตีนจากเนื้อไก่ ไข่ ปลา เต้าหู้ ถั่วเหลือง นั่นเพราะอาหารเหล่านี้นอกจากจะมีโปรตีนที่ดีต่อร่างกายแล้ว ยังมีสารอาหารที่ชื่อ ‘โคลีน’ (Choline) ที่เป็นตัวช่วยในการสร้างเคมีสมอง ช่วยบำรุงให้สมองที่่อ่อนล้าจากการนอนดึก นอนไม่พอ และทดแทนเคมีสมองธรรมชาติที่ร่างกายไม่มีโอ กาสสร้างขึ้นมาเองได้จากการอดนอนอีกด้วย รวมถึงโปรตีนจากแหล่งอื่นๆ อีกด้วย
2. ข้าวกล้องงอกและธัญพืช นั่นเพราะในอาหารเหล่านี้มีสารอาหารที่ชื่อ ‘กาบ้า’ (GABA) ที่จะช่วยบำรุงสมองที่มึนงง เหนื่อยล้า ทำงานได้ไม่เต็มที่ให้กลับมาทำงานได้ดีขึ้น และนอกจากนั้น ยังงมีวิตามินบีที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบประสาทและสมองให้ตื่นตัวอีกด้วย ซึ่งสารอาหารเหล่านี้นอกจากจะหาได้จากข้าวกล้องงอกแล้วยังหาได้จากข้าวโอ๊ต, เมล็ดเฟล็กซ์ เป็นต้น
3. ผักและผลไม้ ในผักและผลไม้นั้นอุดมไปด้วยมีวิตามินซีและวิตามินบี รวมถึงแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของ ‘ต่อมไพเนียล‘ (Pineal Gland) เป็นจำนวนมาก ซึ่งในคนที่นอนดึกเป็นประจำนั้น ‘ต่อมไพเนียล’ ก็จะทำหน้าที่ผิดปกติตามไปด้วย ทำให้รู้สึกงัวเงีย อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า การรังประทานผักและผลไม้เป็นประจำจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น เป็นประโยชน์ ในการบำรุงร่างกายให้สดชื่นและแข็งแรงมากขึ้น
4. น้ำใบบัวบก น้ำใบบัวบกนั้นมีคุณสมบัติที่ดีและเป็นตัวช่วยที่สำคัญสำหรับคนนอนดึกและคนนอนน้อย ซึ่งทุกครั้งที่เรานอนดึกและร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอบ่อยๆ นั้นเสี่ยงต่อการอักเสบที่บริเวณต่าง ๆ ของร่างกายได้ง่ายขึ้น ซึ่งน้ำใบบัวบกจะช่วยลดความเสี่ยงของอาการอักเสบเหล่านั้นได้ และสรรพคุณของน้ำใบบัวบกยังช่วยบำรุงระบบประสาทและสมองอีกด้วย
5. น้ำเปล่า อย่างที่เรารู้กันดีกว่า การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายต่อวันนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะกับคนที่นอนดึก นอนน้อย เพราะน้ำจะเป็นตัวช่วยให้ปริมาณออกซิเจนในร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้เรารู้สึกตื่นตัวมากขึ้น และแนะนำให้เป็นน้ำอุณภูมิปกติ (ที่ไม่ใช่น้ำแช่เย็นหรือใส่น้ำแข็ง) และควรค่อย ๆ จิบแทนการดื่มแบบรวดเดียว
6. เครื่องดื่มดาร์กช็อกโกแลต เครื่องดื่มดาร์กช็อกโกแลตหรือโกโก้นั้นมีสารที่ชื่อ ‘ฟลาโวนอยด์’ ที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น ทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น จึงเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคนที่จำเป็นต้องนอนดึก นอนน้อย และพักผ่อนไม่เพียงพอ
7. ถั่วชนิดต่างๆ ถั่วชนิดต่างๆ นั้นเป็นพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการอย่าง ‘โปรตีน’ และ ‘แร่ธาตุ’ ซึ่งค่อนข้างมีสูงอีกด้วย และยังมี ‘โพแทสเซียม‘ ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมองอีกด้วย
‘สาหร่ายเกลียวทอง’ ตัวช่วยของ ‘คนนอนดึก’
‘สาหร่ายเกลียวทอง’ มีสารอาหารที่ดีและมีคุณภาพมากมายที่ช่วยดูแลสุขภาพให้แข็งแรงรอบด้านและยังมีในปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอีกด้วย และที่สำคัญ มีสารที่ช่วยให้นอนหลับได้อย่างมีคุณภาพอย่าง ฮอร์โมน ‘เมลาโทนิน’ อีกด้วย ซึ่งนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์ส่วนประ กอบสำคัญในสาหร่ายเกลียวทองได้พบว่า ในสาหร่ายเกลียวทอง 1 กรัมนั้นมี ‘ทริปโตเฟน’ มากถึง 13.0 มิลลิกรัม และมี ‘ไนอาซิน’ ถึงจำนวน 2.67 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นสารอาหารที่เป็นตัวช่วยสร้างฮอร์โมนที่ช่วยในการนอนหลับลึกอย่าง‘เมลาโทนิน’ นั่นจึงทำให้สาหร่ายเกลียวทองมีปริมาณ ‘เมลาโทนิน’ เข้มข้นและสูงกว่าแหล่งอาหารประเภทอื่น ๆ เช่น เนื้อ, นม, ไข่, ปลา, ถั่ว, พืชผักผลไม้ชนิดอื่นๆ นั่นเอง นอกจากนั้นยังมีสารอาหารที่ดีจำนวนมากที่สำคัญต่อคนนอนดึก เช่น
1. มีโปรตีนคุณภาพสูงและย่อยง่าย โปรตีนที่มีในสาหร่ายเกลียวทองนั้นมีมากถึง 70% และมีมากกว่าแหล่งโปรตีน อื่นๆ อีกด้วย เช่น เนื้อสัตว์ และโปรตีนในสาหร่ายเกลียวทองยังเป็นโปรตีนที่ปราศจากคอเรสเตอรอล จึงย่อยง่ายมาก โดยมีอัตราการย่อยถึง 95% ซึ่งย่อยง่ายกว่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์ถึง 2 เท่า และนอกจากนั้น ยังมีโปรวิตามินที่เปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติเพียงหนึ่งเดียวของ ‘ส่าหร่ายเกลียวทอง’ จึงบำรุงสมองและบำรุงร่างกายให้แข็งแรงได้
2. มีวิตามินและเกลือแร่ที่ดีมีคุณภาพจำนวนมาก สาหร่ายเกลียวทองมีวิตามินและเกลือแร่หลายชนิดในจำนวนมากและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เช่น วิตามินบี1, วิตามินบี2, วิตามินบี3, วิตามินบี5, วิตามินบี6, วิตามินบี 12 และมีโครเมียมที่เป็นตัวสร้างวิตามินบี12 นอกจากนั้นยังมีวิตามินC, วิตามินH, เบต้าแคโรทีน, ธาตุเหล็ก, สังกะสี, แคลเซียม, แมกนีเซียม, โฟเลต, วิตามินดี และแคโรทีนอยด์ ที่ย่อยง่ายและดูดซึมง่าย ซึ่งช่วยบำรุงสมอง ระบบประสาท และบำรุงร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่นอนดึก นอนน้อย และอยากดูแลสุขภาพ
3. มีกลูตาไธโอนที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์และ DNA ที่สึกหรอให้แข็งแรงยิ่งขึ้น คนนอนดึกนั้น นอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพด้านอื่นแล้ว ยังทำให้ผิวพรรณเสีย ทรุดโทรม เหี่ยวย่นง่าย แก่ก่อนวัยอีกด้วย ซึ่งในสาหร่ายเกลียวทองนั้นมีกลูตาไธโอนที่ช่วยให้ร่างกายเสื่อมสภาพได้ช้าลง โดยเอนไซม์ที่มีคุณภาพหลายชนิดที่อยู่ในสาหร่ายเกลียวทองจะทำหน้าที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกทำลายให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังมีเบต้าแคโรทีนและสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก จึงเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคนนอนดึกให้ยังรู้สึกสดชื่น ผิวพรรณสดใส แข็งแรงอยู่เสมออีกด้วย
4. มีเอนไซม์ที่ดีถึง 2,000 ชนิด โดยเอนไซม์ที่มีในสาหร่ายเกลียวทองนั้น มีคุณสมบัติในการช่วยย่อยอาหารทดแทนร่างกายขาดเอนไซม์จากเนื้อสัตว์ได้ นอกจากนั้น ในสาหร่ายเกลียวทองยังมี ‘เอนไซม์ซุปเปอร์ออกไซค์ดิสมิวเทส’ ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง จึงทดแทนเอนไซม์จากเนื้อสัตว์ได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยสร้างภูมิต้านทานและหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกทำลาย ช่วยบำรุงสมองและบำรุงอวัยะอื่น ๆ ในร่างกายให้แข็งแรงขึ้นได้
5. มีกรดอะมิโนจำเป็นและสำคัญต่อร่างกาย 18 ชนิด ในสาหร่ายเกลียวทองมีกรดอะมิโนที่จำเป็นและคุณภาพสูงครบถ้วนถึง 18 ชนิด และยังมี ‘กรดไขมันแกรมม่าไลโนเลนิก’ (GLA) ที่ช่วยลดคอลเลสเตอรอลในร่างกายได้ถึง 170 เท่าของกรดไขมันที่มีในน้ำมันพืช จึงช่วยลดปริมาณคอเรสเตอรอลและตรีกลีเซอไรด์ในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีเกลือแร่ที่ร่างกายต้องการหลายชนิดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, แมกนีเซียม และโพแทสเซียม รวมถึงกรดอะมิโนที่เรียงตัวกันอย่างสมดุลและได้สัดส่วนถึง 18 ชนิด จึงช่วยบำรุงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายให้แข็งแรงขึ้นได้
ซึ่งสารอาหารที่ดีใน ‘สาหร่ายเกลียวทอง’ ยังมีอีกจำนวนมาก ที่ช่วยในการบำรุงสมองและระบบประสาท ตัวช่วยที่ดีสำหรับคนนอนดึก คนนอนน้อย และผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ แต่แม้ว่าเราจะมีตัวช่วยที่ดีขนาดนั้น แต่การปรับพฤติกรรมให้เข้านอนเร็วขึ้น เข้านอนให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ และตื่นเช้านั้น ก็ยังสำคัญและดีต่อสุขภาพมากนั่นเอง